ธุรกิจ

แนวรบ ค้าปลีกไซซ์เล็ก ร้อนฉ่า ไฮเปอร์ฯขาลง-ดิ้นเปิดพื้นที่เช่า

โควิด-19 ที่คลี่คลาย เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ผลประกอบการ-รายได้ของผู้ประกอบการค้าปลีกในช่วงโค้งท้าย ฟื้นตัวกลับคืนมาอีกครั้ง หลายรายเติบโตเป็นดับเบิลดิจิต

ธุรกิจ

 

ทุกค่ายต่างมั่นใจว่าสัญญาณบวกดังกล่าวจะเป็นโมเมนตัมที่ส่งต่อมาถึงปี 2566 บวกกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา จะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ธุรกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน

สะท้อนจากการทยอยประกาศแผนการลงทุนขยายสาขาในปีนี้ เพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะสดใส โดยเฉพาะบรรดาผู้ประกอบการค่ายใหญ่ล้วนประกาศเปิดเกมบุกต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศแผนการขยายสาขาเซเว่นอีเลฟเว่น สำหรับปี 2566 นี้ โดยจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มประมาณ 700 สาขา ภายใต้งบฯการลงทุน 11,000-12,000 ล้านบาท รวมทั้งการขยายสาขาร้านสะดวกซื้อในต่างประเทศเพิ่ม

จากที่ผ่านมาบริษัทในเครือซีพี ออลล์ มีไลเซนส์อยู่ใน 2 ประเทศ คือ กัมพูชา จากช่วงไตรมาส 3/2565 ที่มีมากกว่า 30 สาขา ส่วนในลาวที่มีแผนจะเปิดสาขาแรกภายในปีนี้ หลังจากที่ต้องเลื่อนมาจากปี 2565 จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในลาวที่มีปัญหาทั้งเรื่องเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงิน

เช่นเดียวกับโลตัส ธุรกิจค้าปลีกของบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ที่จะใช้โมเดลสาขาเล็ก “โลตัส โก เฟรช” เป็นหัวหอกในการรุกตลาด ควบคู่การยกระดับไฮเปอร์มาร์เก็ต ตลอดปีนี้และปีถัดไป โดยมีโลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ ที่เพิ่งเปิดไปเมื่อต้นเดือน พ.ย. 2565 เป็นโมเดลต้นแบบ

ส่วนบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือซีอาร์ซี สำหรับตลาดในประเทศ เบื้องต้นตั้งเป้าจะเน้นการขยายฟู้ดฟอร์แมต ภายใต้แบรนด์ท็อปส์ 30-40 สาขา ในจำนวนนี้จะเป็นสาขาขนาดใหญ่ (ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด) ประมาณ 15 สาขา ส่วนค้าปลีกโมเดลใหม่ “ท็อปส์ คลับ” เป้าหมายจะเปิด 6-8 แห่งภายใน 5 ปี